คะเคะโบ ศาสตร์แห่งการออมเงินสไตล์ญี่ปุ่นที่เปลี่ยนชีวิตคุณได้

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบัน การออมเงินกลายเป็นความท้าทายสำหรับผู้คนทั่วโลก แต่สิ่งที่น่าสนใจคือญี่ปุ่นยังคงรักษาอัตราการออมที่สูงถึง 25.8% ของรายได้ครัวเรือน
องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เผยว่าในปี 2023 ชาวอาทิตย์อุทัยมีการออมเงินสูงกว่าหลายประเทศอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการออมเงินของจีนอยู่ที่ 23.5% ของรายได้ครัวเรือน เยอรมนี 18.7% สหรัฐอเมริกา 5.2% และในสหราชอาณาจักรมีอัตราการออมเงินอยู่ที่ 4.3% ของรายได้ครัวเรือน ความลับของความสำเร็จของชาวญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งซ่อนอยู่ในวิธีการจัดการการเงินแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า ‘คะเคะโบ’ (Kakeibo)
รากฐานการออมที่แข็งแกร่งของญี่ปุ่น
ข้อมูลจาก CEIC Data (Economic Database System) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสถิติทางเศรษฐกิจและการเงินจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าอัตราการออมของญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งมาอย่างยาวนาน โดยในช่วงปี 1980-2022 มีอัตราการออมเฉลี่ยอยู่ที่ 28.8% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานโลก แม้ว่าจะเคยลดต่ำสุดที่ 22.9% ในปี 2014 แต่ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ที่ระดับ 28.8% หลังจากผ่านมาเกือบหนึ่งทศวรรษ
สะท้อนให้เห็นถึงวินัยทางการเงินที่เข้มแข็งของชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าในปี 2022 ช่วงเวลาที่การออมของชาวญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นในรอบสิบปี พบว่า GDP ต่อหัวของญี่ปุ่นอยู่ที่ 33,906 ดอลลาร์สหรัฐ ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากวิธีการจัดการการเงินแบบดั้งเดิมที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

กำเนิดศาสตร์แห่งการออม
คะเคะโบเป็นมรดกทางปัญญาที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1904 โดย ‘โมโตะโกะ ฮานิ’ แนวคิดนี้ไม่ใช่เพียงระบบการจดบันทึกค่าใช้จ่ายธรรมดา แต่เป็นปรัชญาการเงินที่ผสมผสานการจดบันทึกด้วยมือเข้ากับการไตร่ตรองอย่างมีสติ เพราะการจดบันทึกด้วยมือไม่เพียงช่วยให้เราเห็นภาพรวมค่าใช้จ่าย แต่ยังทำให้เกิดการคิดไตร่ตรองมากกว่าการใช้แอปพลิเคชันในการบันทึกรายจ่าย ผ่านขั้นตอนดังต่อไปนี้
- บันทึกรายรับ
จดบันทึกรายได้ทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละเดือนอย่างเคร่งครัด - กำหนดเป้าหมายการออม
ตั้งเป้าหมายว่าต้องการออมเงินจำนวนเท่าใดในแต่ละเดือน - วางแผนรายจ่าย
โดยแบ่งรายจ่ายออกเป็น 4 หมวดหมู่หลัก คือ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง การเก็บออม และเงินสำรองฉุกเฉิน เช่น กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยร้ายแรง
เหนือสิ่งอื่นใด คะเคะโบจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย หากผู้คน ‘ลืม’ ตั้งคำถามทบทวนรายจ่ายในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพราะการจดบันทึกและตั้งคำถามกับการใช้จ่ายทุกครั้งคือหัวใจสำคัญ ช่วยให้ตระหนักถึงพฤติกรรมการเงินของตนเอง และปรับปรุงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการออมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หัวใจสำคัญของการออมแบบคะเคะโบ
แก่นของคะเคะโบอยู่ที่การมองเงินเป็นทรัพยากรที่ต้องจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้แบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน ทั้งค่าใช้จ่ายจำเป็น ความบันเทิง เงินสำรองฉุกเฉิน และการออม แต่สิ่งที่ทำให้คะเคะโบแตกต่างคือการสร้างความตระหนักรู้ผ่านการตั้งคำถามสำคัญก่อนการใช้จ่ายทุกครั้ง เช่น ความจำเป็นของสิ่งที่จะซื้อ สามารถซื้อของชิ้นนั้นภายหลังได้หรือไม่ และความเหมาะสมของราคา รวมไปถึงหากตัดสินใจซื้อมาแล้ว ความรู้สึกหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร
จากการศึกษาของ Japan Financial Services Agency ในปี 2023 ได้เผยให้เห็นตัวเลขการออมที่น่าสนใจ ครัวเรือนที่ใช้คะเคะโบมีอัตราการออมสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 35% และที่สำคัญ 92% ของผู้ใช้วิธีการดังกล่าว รายงานว่ามีความเครียดเรื่องการเงินลดลง สะท้อนให้เห็นว่าระบบนี้ไม่เพียงช่วยในการออมเงิน แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าคะเคะโบไม่ใช่เพียงวิธีการจดบันทึกค่าใช้จ่าย แต่เป็นปรัชญาการเงินที่สอนให้เราใช้จ่ายอย่างมีสติและเห็นคุณค่าของเงิน ความสำเร็จของญี่ปุ่นในการรักษาอัตราการออมที่สูงแสดงให้เห็นว่า วิธีการนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงและให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม
ข้อมูลอ้างอิง :
- I tried ‘Kakeibo’: The Japanese art of saving money—and it completely changed how I spend my money. www.cnbc.com/2020/01/08/how-this-japanese-method-of-saving-money-changed-my-lifeand-made-me-richer.html
- Japan Gross Savings Rate. www.ceicdata.com/en/indicator/japan/gross-savings-rate
- Kakeibo: A Life-Changing Method for Saving Money. www.treehugger.com/kakeibo-or-life-changing-method-getting-personal-finances-order-4858518
- The Kakeibo Budgeting Method Explained Step by Step. collectingcents.com/kakeibo-budgeting-method-and-template-pdf/