Complex Problem Solving แก้ปัญหาที่ซับซ้อนให้เก่ง
การแก้ปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน (Complex Problem Solving) จึงเป็นความสามารถในการวิเคราะห์และจัดการปัญหา โดยมุ่งเน้นไปที่การค้นหาต้นตอของปัญหา เชื่อมโยงองค์ประกอบต่างๆ มองภาพรวมอย่างเป็นระบบ เพื่อหาทางออกที่ตรงจุดและยั่งยืน ช่วยให้รับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันไม่ให้ปัญหาเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีก
Complex Problem Solving คืออะไร
ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน (Complex Problem Solving) คือ ทักษะการแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนผ่านกระบวนการสังเกต วิเคราะห์ และตัดสินใจอย่างมีข้อมูล เพื่อนำไปสู่การหาแนวทางแก้ไขและดำเนินการแก้ปัญหา โดยการมุ่งเน้นการค้นหาต้นตอของสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา จากนั้นจึงวิเคราะห์ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบและปัจจัยต่างๆ ในระบบหรือโครงสร้าง โดยใช้กระบวนการคิดอย่างเป็นระบบเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง นอกจากหาทางแก้ไขปัญหาแล้วยังคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ ทรัพยากร และศักยภาพในอนาคต ทั้งยังต้องพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แนวทางการแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพ ยั่งยืน และสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ขั้นตอน Complex Problem Solving
ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนของ Corey Phelps อาจารย์จากมหาวิทยาลัย McGill University นักการศึกษาและนักเขียนธุรกิจชาวอเมริกัน ระบุว่าเครื่องมือหรือวิธีการแก้ปัญหาไม่ได้มีแค่วิธีเดียวและป้องกันไม่ให้ใช้วิธีแก้ปัญหาเดิม ประกอบไปด้วย 4 Stages คือ
1) เข้าใจที่มาที่ไปของปัญหา (Stage of Problem) ด้วยการตั้งคำถาม
- ปัญหาเป็นอย่างไร
- มีข้อจำกัดอะไร
- ใครเป็นเจ้าของปัญหา
- ปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับใครบ้าง
- ถ้าแก้ปัญหาสำเร็จ อะไรคือตัวบ่งบอกว่าสำเร็จ
2) เข้าใจโครงสร้างปัญหา (Structure a Problem) หาว่าอะไรที่น่าจะเป็นต้นเหตุของปัญหา (Potential Causes of Problems)
3) หาวิธีแก้ปัญหาอย่างตรงจุด (Solution) หากช่วยกันเป็นทีมยิ่งหาข้อสรุปได้เร็วขึ้น
4) โน้มน้าวขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น (Selling) เช่น ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ผู้ที่มีทรัพยากรแก้ไขปัญหา
ความแตกต่างระหว่างการแก้ปัญหาซับซ้อนกับการแก้ปัญหาง่ายๆ
แก้ปัญหาง่ายๆ
| แก้ปัญหาซับซ้อน
|
เทคนิคแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
- ระบุปัญหาและสาเหตุ อย่างชัดเจน
วิเคราะห์หาสาเหตุ รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แยกแยะปัจจัยที่เป็นสาเหตุ พิจารณาว่าส่วนไหนของปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข - พิจารณาผลกระทบของปัญหา
ทำความเข้าใจผลกระทบของปัญหาช่วยจัดลำดับความสำคัญของแนวทางแก้ไข อาจพิจารณาผลกระทบต่อด้านต่างๆ ทั้งความเป็นอยู่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ความล่าช้าในการทำงาน การสื่อสาร ประสิทธิภาพการทำงาน ค่าใช้จ่าย - ระดมสมองเพื่อหาทางแก้ไขที่ดีที่สุด
มักต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม บางปัญหาอาจต้องใช้มากกว่าหนึ่งแนวทางแก้ไข ซึ่งทักษะที่มีประโยชน์ในการระดมสมอง ได้แก่ การทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบโครงการ การคิดเชิงวิพากษ์ การคาดการณ์ล่วงหน้า - พิจารณาผลกระทบของแนวทางแก้ไข
ก่อนเลือกแนวทางแก้ไขควรพิจารณาผลกระทบของแต่ละทางเลือกให้รอบด้าน เพื่อให้แน่ใจว่าการแก้ปัญหาจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าเดิม - เลือกแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด
เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือกกับผลกระทบของปัญหา เพื่อหาแนวทางที่ให้ประโยชน์สูงสุด บางกรณีอาจต้องขอความคิดเห็นจากบุคคลอื่นเพื่อมุมมองที่กว้างขึ้น - วางแผนดำเนินการ
อาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือกระบวนการทำงาน พัฒนาช่องทางการสื่อสารใหม่ ปรับปรุงวิธีการบริหาร จัดซื้ออุปกรณ์ใหม่ - เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
ใช้การคาดการณ์ช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น โดยวิเคราะห์ตัวแปรที่เกี่ยวข้องหรือสมมติฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และวางแผนทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
อาชีพที่ได้ประโยชน์จากการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
|
การแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อน Complex Problem Solving เป็นทักษะที่ช่วยให้แก้ปัญหาและช่วยให้เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ เพราะฉะนั้นในโลกที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ควรฝึกฝนและพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนอยู่เสมอ
ข้อมูลอ้างอิง :
- medium.com/@k.fergusson1/complex-problem-solving-made-simple-468d5962e1a8
- missiontothemoon.co/softskill-complex-problem-solving/
- th.jobsdb.com/th/career-advice/article/problem-solving-skill
- www.ftpi.or.th/en/2018/24739
- www.indeed.com/career-advice/career-development/complex-problem-solving
- www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2199853124000520

