นครพนม

ชาติพันธุ์ ‘ไทยแสก’ ในจังหวัดนครพนม

12 พฤศจิกายน 2024
|
282 อ่านข่าวนี้
|
0



ชาติพันธุ์ ‘ไทยแสก’ ในจังหวัดนครพนม

            หากจะพูดถึงชาติพันธุ์ในนครพนม ที่มีชุมชนอยู่ใกล้กับอำเภอเมืองนครพนมมากที่สุด มีความใกล้ชิดและอยู่ติดแม่น้ำโขง  ‘ชาติพันธุ์ไทแสก’ หรือ ‘ไทยแสก’ เป็น 1 ในชาติพันธุ์ที่อยู่ในชุมชนใกล้เมืองนครพนม และเป็นชาติพันธุ์ที่มี เป็น 1 ในชาติพันธุ์ที่อยู่ในชุมชนใกล้เมืองนครพนม และเป็นชาติพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของรากเหง้าอย่างชัดเจน และยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หากจะเดินเมืองนครพนมเพื่อเรียนรู้ชาติพันธุ์ในนครพนมสัก 1 ชาติพันธุ์ ไทยแสก ถือเป็นหนึ่งในแหล่งเรียนรู้ที่มีองค์ความรู้ด้านชาติพันธุ์ที่ชัดเจนและหลากหลายมิติ ทั้งขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต การละเล่น ภาษา การแต่งกาย และความเชื่อ ฯลฯ ที่ให้เรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้งอย่างเข้าถึงและเข้าใจ


                  ไทยแสก การอพยพมาอยู่ที่นครพนมของชาติพันธุ์ไทยแสก เริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสงคราม ทำให้ชาวไทยแสกต้องอพยพจากถิ่นฐานเดิมเพื่อหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งในการอพยพนี้ ชาวไทยแสกได้เลือกตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ ๆ อยู่ติดกับแม่น้ำโขง ด้วยเพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และติดต่อค้าขายกับชุมชนอื่น ๆ ได้สะดวก เดิมที่ชาวไทยแสกมีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองรองที่ขึ้นกับกรุงเว้อยู่ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม เป็นชาติพันธุ์ที่มีความอุตสาหะบากบั่น และยึดมั่นในความสามัคคี เมื่อสมัย พระสุนทร ซึ่งเป็นเจ้าเมืองได้เห็นว่าชาวแสกมีความสามารถและความเข้มแข็ง สามารถปกครองตนเองได้ จึงได้ยกฐานะชาวแสกขึ้นเป็นเมือง โดยได้เปลี่ยนชื่อใหม่จาก ป่าหายโศก เป็น เมืองอาจสามารถ หรือ บ้านอาจสามารถ ที่อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดนครพนมในปัจจุบัน

      



                หากจะพูดถึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวไทยแสก จะมีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ชัดเจน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความเชื่อที่ยังคงอนุรักษ์รากเหง้าเอาไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ภาษาไทแสก ซึ่งเป็นภาษาที่มีเอกลักษณ์และใช้ในการสื่อสารระหว่างกันในชาวไทยแสกเท่านั้น จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากภาษาอื่น ๆ ในจังหวัดนครพนม ทำให้ชาวไทยแสกสามารถรักษาวรรณกรรมพื้นบ้าน และเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของตนเองได้ ต่อมาคือ ประเพณีและเทศกาล ชาวไทยแสกมีประเพณีและเทศกาลที่สำคัญในชุมชน คือ  กินเตดเดน เป็นประเพณีและมีพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่มีไว้เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อ โองมู้ บรรพบุรุษของชาวไทยแสกที่คนในชุมชนเคารพนับถือ เพราะถือเป็นผู้มีพระคุณต่อลูกหลาน และทำหน้าที่คุ้มครองอันตรายที่เกิดขึ้นกับลูกหลานและหมู่บ้าน และยังช่วยดลบันดาลให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นตามที่บนบานเอาไว้ โดยมี กวนจ้ำ เป็นสื่อกลางในการประกอบพิธีกรรมดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่า หากลูกหลานคนใดประพฤติมิชอบ ไม่เหมาะสม หรือทำพิธีบนบานแล้วไม่ประพฤติปฏิบัติตามในสิ่งที่ถูกดีงาม ก็จะทำให้มีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับคนคนนั้นหรือในครอบครัว



        ชาวไทยแสกจึงได้จัดพิธีบวงสรวง โองมู้ เป็นประจำทุกปี โดยจะจัดขึ้นในวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ หรือมีนาคมของทุกปี โดยชาวแสกจะเรียกพิธีบวงสรวงนี้ว่า พิธีกินเตดเดน ซึ่งจะมีการแสดง แสกเต้นสาก เป็นการถวายแก่ โองมู้ โดยใช้ไม้สากตีกระทบกันเป็นจังหวะ ซึ่งเมื่อก่อนการแสดงนี้จะมีให้เห็นเฉพาะในวันบวงสรวงโองมู้เท่านั้น ถ้านอกเทศกาล จะต้องเป็นวันสำคัญทางเทศกาลประจำปีของจังหวัด หรือที่เกี่ยวข้องกับงานด้านศิลปวัฒนธรรมของจังหวัด หรือเป็นการรับแขกบ้านแขกเมืองที่เหมาะสมเท่านั้นซึ่งจากเรื่องราวประวัติศาสตร์ และการเดินทางไกลของชาวไทยแสกนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้สัมผัสได้ว่า ชาวไทยแสก เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเข้มแข็ง มีความรักสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และมีความภาคภูมิใจในการสานต่อ สืบสานศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี จากรุ่นสู่รุ่นได้เป็นอย่างดี ที่สังเกตสิ่งเหล่านี้ได้ชัดเจนก็มาจากการเข้าร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนที่ไม่ได้มีแค่กลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น หากแต่กลุ่มเด็กและเยาวชน ก็สามารถเชื่อมโยงกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับทุกรุ่นได้อย่างกลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ความภาคภูมิใจที่ฉายผ่านสีหน้าและแววตาของพวกเขาที่ซ่อนไม่มิด เช่น กิจกรรมการแสดงแสกเต้นสาก ที่กลายเป็นการแสดงวัฒนธรรมด้านชาติพันะุ์ระดับจังหวัด ที่จะหาชมได้ในโอกาสพิเศษเท่านั้น ซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาวไทยแสกนี้ ก็นับเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนตัวตนของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ไม่แพ้มิติที่ลึกซึ้งด้านอื่น ๆ เลย  

    และเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่ยังคงอยู่และอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดีก็คือ การแต่งกาย ในวันสำคัญต่าง ๆ ชาวไทแสกจะสวมใส่ผ้าทอมือที่มีลวดลายเฉพาะตัว เช่น ผ้าซิ่นและเสื้อผ้าที่ประดับด้วยลวดลายที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมของตน โดยผู้หญิงจะเป็นเสื้อแขนกระบอกสีดำขลิปสีแดง ผ้าถุงยาวกรอมเท้า มีผ้าคาดเอวหรือเข็มขัดทำด้วยผ้าตีนจก ห่มสไบสีแดงทับอีกชั้น ส่วนเครื่องประดับก็มีทั้งสร้อยคอ ต่างหู ส่วนผู้ชายจะเป็นเสื้อแขนสั้น และกางเกงยาวกรอมเท้า โดยมีเอกลักษณ์เหมือนกันกับชุดของผู้หญิง และด้านต่อมาคือ อาหาร ชาวไทยแสกจะมีอาหารพื้นเมืองเป็นของตนเอง และมักใช้วัตถุดิบท้องถิ่นนำมาปรุงแต่ง และสะท้อนถึงความหลากหลายของวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น เช่น ส้มตำอีสาน ข้าวปั้นใบตอง อาหารจากปลาแม่น้ำโขง

     

                ซึ่งเมนูเด่นก็คือ ปลาเผาะเผ่ากราบโครุ่ง หรือ ปลาเพาะห่อกาบกล้วย ชาวแสกเชื่อว่าเป็นอาหารประจำธาตุไฟ ที่ดีต่อร่างกาย สมัยก่อน ปลาที่ชาวแสกหาปลามาได้ะนำไปเผาทานเปล่า ๆ ไม่มีการเพิ่มรสชาติแต่อย่างใด แต่ต่อต้องการเพิ่มรสชาติและให้ปลาไม่แห้งจนเกินไปจากการย่างไฟ จึงนำกาบต้นกล้วยมาห่อก่อนแล้วจึงเผา เมนูนี้นอกจากจะหารับประทานง่ายและทำได้ไม่ยาก ทำให้ชาวแสกนิยมทำเมื่อมีแขกบ้านแขกเมืองมาเยือน และกลายเป็นอาหารเอกลักษณ์ของชาวแสกในนครพนมไปในที่สุด อีกเมนูก็คือ เอ๊าะไหก๋ปล๋า หรือ เอาะพื้นท้องปลา ซึ่งเป็นอาหารประจำธาตุน้ำ ซึ่งปลาเผาะเป็นปลาที่หาได้ง่ายในบริเวณที่ชุมชนอาจสามารถที่ชาวแสกอาศัยอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงมีการเพาะเลี้ยงปลาชนิดนี้ไว้จนกลายเป็นปลาเศรษฐกิจของชุมชน เนื้อปลามีรสชาติอร่อย ไม่คาว สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู มีพลังงานสูง มีไขมันดี น้ำมันบริเวณพื้นท้องปลาและเครื่องในปลามีวิตามินมาก และไม่ทำให้อ้วน และเมนูที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง เมี่ยงตาสวด ซึ่งได้เล่าไว้เฉพาะเรื่องในคู่มือฉบับนี้


                แม้ชาวไทยแสกจะยึดมั่นในการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ แต่ชาวแสกก็ยอมรับได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย สังคม และวัฒนธรรม และยังสามารถผสมผสานวัฒนธรรมเก่าเข้ากับวัฒนธรรมใหม่ได้อย่างกลมกลืนและยังสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรม การแสดง ที่เป็นเอกลักษณ์จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากในประเทศและจากต่างประเทศ ที่อยากเดินทางมาสัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวไทยแสกในนครพนม


ความงดงามที่เหนือกว่านั้นก็คือ ยังร่วมมือกับชุมชนอื่น ๆ และชาติพันธุ์อื่น ๆ ในนครพนมในการร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมที่หลากหลายได้อย่างกลมกลืน....










     


            


0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI