ตลาดวัฒนธรรมไทย-ลาว ส่องวิถีชีวิตสองฝั่งโขงที่ธาตุพนม
ตลาดนัดไทย-ลาว ตลาดนัดริมแม่น้ำโขง ธาตุพนม
ที่ถนนริมแม่น้ำโขง บริเวณหน้าวัดหัวเวียงรังษี ในอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ทุกเช้าวันจันทร์และวันพฤหัสบดี จะมีตลาดนัด ไทย-ลาว ที่คราคร่ำไปด้วยสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่พันธ์ไม้นานาชนิด , เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับมือหนึ่ง มือสอง , ข้าวของเครื่องใช้อุปโภค-บริโภค , อาหารเครื่องดื่ม ทั้งของแห้งและของสด แต่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็คือ อาหารป่า พืชผักพื้นบ้าน ปลาแม่น้ำโขงและสินค้าท้องถิ่นที่มาจากพ่อค้า แม่ขาย ซึ่งเดินทางข้ามแม่น้ำโขงมาจากฝั่ง สปป.ลาว
กว่า 10 ปี จุดผ่อนปรนการค้าชายแดน จนเป็นที่มาของตลาดนัดไทย-ลาว
จุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว ที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นับเป็นจุดผ่อนปรนที่ใหญ่ที่สุด อยู่ห่างจากองค์พระธาตุพนม ไม่ถึง 2 กิโลเมตร จุดผ่อนปรนแห่งนี้เปิดทำการ 2 วันต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์และวันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้าจนถึงบ่าย 4 โมงเย็น เราจะได้เห็นถึงผู้คนใช้ชีวิตอย่างขวักไขว่ บรรยายกาศแน่นไปด้วยความไมตรีจิตของทั้งชาวไทย-ลาวสองฝากฝั่งทางและแม่น้ำโขง เสียงเจื้อยแจ้ว การจับจ่ายที่ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจระดับพื้นที่ แต่นอกเหนือจากนั้นตลาดแห่งนี้ก็เป็นเหมือนพื้นที่แห่งโอกาสของชีวิต ที่ให้ผู้คนได้อาชีพเลี้ยงปากท้องให้กับทางครอบครัวหลาย ๆ ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น
โดยเป็นจุดผ่อนปรนที่อนุญาตให้พี่น้องชาวลาวสามารถนำสินค้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ข้ามมาค้าขายยังฝั่งไทยได้ ในลักษณะแบบเช้าเย็นกลับ ไม่อนุญาตให้มีการค้างคืน และชาวไทยก็ไม่สามารถเดินทางข้ามไปยังฝั่งสปป. ลาว ณ จุดผ่อนปรนบริเวณนี้ได้ด้วยเช่นกัน
ยายเอ๊บ เล่าให้เราฟังสั้นๆ ในขณะกำลังนั่งขายของป่า ท่ามกลางอากาศที่ร้อนแรงว่า “ยายออกบ้านตั้งแต่ก่อน 6 โมงเช้า พอ 7 โมงก็ข้ามมา บ้านยายอยู่แถวบ้านด่าน ตรงข้ามกันนี่เอง ” สำหรับพื้นที่ที่อยู่ตรงข้ามกับอำเภอธาตุพนมนี้ ก็คือ บ้านด่าน เมืองหนองบก ของแขวงคำม่วน และก็บ้านปากเซบั้งไฟ เมืองไซยะบุรี ในแขงสะหวันนะเขต
ช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก จุดผ่อนปรนนี้ก็ได้ปิดทำการไปเป็นเวลานานกว่า 2 ปี และเพิ่งกลับมาเปิดใหม่และก็ค่อยๆ กลับฟื้นคืนความคึกคักขึ้นมาในช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมานี้เอง กล่าวกันว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจที่หมุนเวียนในทุกวันนี้ มีมากกว่าล้านบาทต่อวัน
ก่อนลัดเลาะเดินเท้าเข้าชมตลาดนัดไทย-ลาว เราแวะไปสักการะองค์พระธาตุพนม ศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ประดิษฐานพระอุงคธาตุขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งตัวองค์พระธาุพนมนี้ สร้างขึ้นหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธ์ปริพาน ตั้งแต่สมัยต้นพุทธกาล เมื่อประมาณปี พ.ศ.8
เมื่อเราเดินมาถึงจุดจอดรถบนถนนพนมพนารักษ์ จุดแรกเราก็จะได้พบกับสินค้าที่มาจากพ่อค้า แม่ค้าชาวนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง ตัวสินค้าก็จะมีอาทิเช่น ต้นไม้ทั้งประเภทพืชและผล , อาหารเครื่องดื่มทั้งคาว-หวาน ของกินปิ่งย่าง รวมถึงเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หมวก เครื่องประดับ มีทั้งของใหม่มือหนึ่ง และสินค้ามือสองที่ยังอยู่ในสภาพดีทั้งสินค้าของเด็ก ผู้ใหญ่ คนสูงวัย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิงก็มีให้เลือกสรรตามใจชอบ
ต่อมาเมื่อเดินเท้าลัดเลาะเข้าด้านในมาเรื่อยๆ เราก็มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ถนนเลียบแม่น้ำโขง ซึ่งมีความกว้างประมาณแค่รถสวนทางกันได้ ตรงถนนเลียบแม่น้ำโขงนี้เอง เราก็จะค่อยๆ ได้พบกับพ่อค้า แม่ขาย และสินค้าที่เมื่อมองดูด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือสินค้าที่มาจากฝากฝั่ง ของสปป.ลาว
สำหรับราคาสินค้ามีให้จับจองกันได้ตั้งแต่หลักสิบ หลักร้อย หลักพัน ของหลักพันก็อย่างเช่นเครื่องหวายสวยๆ ที่มาจากฝีมือแรงงานชาวบ้าน ในแขวงสะหวันนะเขต พ่อค้าวัยกลางคนเล่าให้เราฟังว่า เครื่องหวายของเขานั้น บางวันก็จะมีคนไทยมาเหมาซื้อ เพื่อนำไปขายต่อยังจังหวัดอื่นๆ มีหลายครั้งที่มูลค่าการซื้อขายนั้นมากกว่า 4-5,000 บาท ในส่วนของสินค้าทางการเกษตรแบบขายส่งก็มี ขายปลีกก็มาก ราคา 10 บาท 20 บาทก็หาซื้อกันได้ มิตรภาพของพ่อค้า แม่ขายก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ชวนให้เราหลงใหลทั้งสำนวนอันน่าฟัง และรอยยิ้มเมื่อได้พูดคุยกัน ส่วนใครที่ชอบรับประทานพืชผัก พื้นบ้าน อาหารป่าและปลาจากแม่น้ำโขง บางทีที่นี่อาจเป็นสวรรค์ที่อยู่บนดิน รอเพียงให้ทุกคนได้มาร่วมสัมผัสด้วยตัวของคุณเองก็เป็นได้
ระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมงนิดๆ ในการเดินลัดเลาะชมตลาดของเรา ตอนนี้จากสองมือว่างเปล่าในตอนแรก กลับเต็มไปด้วยสินค้าทั้งอุุปโภคและบริโภคทั้งของสด ของแห้ง และของฝาก หากใครมีโอกาสผ่านไปผ่านมายังอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมแห่งนี้ เราก็ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดที่จะมาลัดเลาะชมโขง ชมตลาดไทย-ลาวแห่งนี้ด้วย...

