บ้านนาบัว จากวันเสียงปืนแตกสู่เทศกาลหนังเมืองคานส์

“บ้านนาบัว”
บ้านนาบัวหมู่ 13 ตั้งอยู่ในตำบลโคกหินแฮ่ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม อดีต…ที่นี่รู้จักกันในหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองว่าเป็นสถานที่อันเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า “วันเสียงปืนแตก” ซึ่งหมายถึงวันที่กองทัพประชาชนในนามพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยได้เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่จากฝั่งรัฐไทยด้วยอาวุธปืนเป็นครั้งแรก
แต่ปัจจุบัน…ภาพของที่นี่ได้กลายพื้นที่ที่ถูกถ่ายทำและใช้ดำเนินเรื่องหลักของหนังดังอย่าง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” หนังที่เดินทางไปคว้ารางวัลปาล์มทองคำถึงเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง “เทศกาลเมืองคานส์” และคนที่มาทำให้โฉมหน้าของบ้านนาบัวจากพื้นที่ห่างไกลได้เฉิดฉายบนสายตาชาวโลก เขาก็มีชื่อว่า “เจ้ย” อภิชาติพงษ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับชื่อดัง ผู้มีถิ่นกำเนิดเป็นชาวอีสานนั่นเอง
บ้านนาบัว… ประวัติศาสตร์วันเสียงปืนแตก
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ปี 2508 ในพื้นที่ห่างไกลเขตเมืองชายแดนอย่างบ้านนาบัว ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ดังครึกโครมไปทั่วประเทศ เนื่องเพราะมีกองกำลังประชาชนในนามของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือ พคท. ได้เข้าปะทะด้วยอาวุธปืนกับกองกำลังของทหาร ตำรวจจากฝ่ายรัฐ
การปะทะกันครั้งนั้น ได้ทำให้เกิดความสูญเสียกับทั้งสองฝ่าย ในส่วนของสหายคนแรกที่เสียชีวิตจากการปะทะในวันนั้นมีชื่อว่า “สหายเสถียร” หรือ “กองสิน จิตมาตย์” ซึ่งได้ยิงคุ้มกันให้สหายคนอื่นๆ ถอยล่าออกจากจุดปะทะ แต่ตนเองกลับตกอยู่ในที่ล้อม จนมุมอยู่คันนากลางทุ่งที่บ้านนาบัว และเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 25 ปี ขณะที่ฝ่ายของทหาร ตำรวจก็สูญเสียชีวิต 1 และบาดเจ็บอีก 4
จนต่อมาในราวเดือนพฤศจิกายน ของปี 2508 พคท. โดยกรมการเมือง ได้จัดประชุมที่บริเวณอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร และได้ประกาศว่าจะมีการต่อสู้กับฝ่ายรัฐในเขตชนบท พร้อมกันนั้นก็ยังประกาศให้วันที่ 7 สิงหาคม เป็น “วันเสียงปืนแตก” อันเป็นสัญญะในสงครามการต่อสู้ของประชาชน ณ ขณะนั้น
หลังการประกาศ เสียงปืนก็มีปรากฎดังขึ้นอยู่เป็นระยะๆ พร้อมกับสถานการณ์การเมืองในภูมิภาคอินโดจีน ทั้งในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ที่เปลี่ยนแปลง แต่ในที่สุดเสียงปืนและการปะทะก็ค่อยๆคลี่คลายบางเบา การปะทะกันครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2535 และจากนั้นเสียงปืนก็ได้ดับลง
“ลุงบุญมีระลึกชาติ”
หนังเล็กๆที่ทำให้บ้านนาบัว เดินทางไปสู่สายตาชาวโลก
พฤษภาคม ปี 2553 บ้านนาบัวได้กลับสู่หน้าข่าวดังอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ในระดับประเทศ แต่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก เหตุเพราะหนังฟอร์มเล็กจากประเทศไทย ที่มีชื่อว่า “ลุงบุญมีระลึกชาติ” ซึ่งได้ถ่ายทำที่บ้านนาบัวได้ประกาศศักดาคว้ารางวัลปาล์มทองคำ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 64 ถือเป็นหนังเรื่องแรกและคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนแรกที่ได้รับรางวัลสูงสุดในวงการภาพยนตร์นี้
พี่เจ้ย อภิชาติพงษ์ เคยเล่าผ่านนิตยสารคดีว่า “ตอนนั้นเราเหนื่อยมาก เดินทางมาถึงคานส์ แล้วสัมภาษณ์เลย แล้วก็ไปเดินพรมแดงยิ้มร่า เราก็เลยหลับในรอบฉายปฐมทัศน์…เพราะเราเจ็ตแล็กกัน มาตื่นกันตอนที่ได้ยินเสียงปรบมือเมื่อหนังจบแล้ว ในประเพณีของคานส์ไฟจะเปิด กล้องจะจับที่หน้าเรา แล้วภาพจะฉายปรากฏไปทั่วเทศกาล โชคดีที่ตื่นก่อนไฟจะเปิด แล้วมันเป็นการปรบมือที่นานมากที่สุดในหนังของเรา โค้งแล้วโค้งอีก แค่นี้คุ้มแล้วที่พยายามเดินทางมา”
หนังเรื่อง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องจิตวิญญาณ ผีสาง และการกลับชาติมาเกิด เป็นส่วนหนึ่งในโครงการศิลปะชุดดึกดำบรรพ์ นอกจากหนังยาวเรื่องนี้ ยังมีหนังสั้นอีก 2 เรื่อง หนังสือ ภาพถ่าย และงาน Installation ด้วย ถือเป็นความตั้งใจของพี่เจ้ยที่จะแสดงออกถึงการระลึกความทรงจำของผู้คนต่อบ้านนาบัว ในฐานะพื้นที่แห่งการต่อสู้ระหว่างคอมมิวนิสต์กับฝ่ายรัฐไทย โดยเฉพาะในช่วงปี 2508 ซึ่งเป็นช่วงเหตุการณ์วันเสียงปืนแตก
จุดบรรจบของประวัติศาสตร์ในอดีตกับศิลปะร่วมสมัย
ปัจจุบันบ้านนาบัวเป็นเสมือนจุดบรรจบของประวัติศาสตร์และความทรงจำในอดีตกับงานศิลปะร่วมสมัยระดับชั้นครูของโลก ในแง่ของร่องรอยประวัติศาสตร์ เมื่อเราได้เดินทางมาถึงบ้านนาบัว เราก็ยังจะได้เห็นทั้งพื้นที่ทางกายภาพ ได้เห็นอนุสรณ์สถานต่างๆ ที่ซ้อนทับกับพื้นที่ความทรงจำ หากเราได้เข้าไปพูดคุยกับผู้เฒ่าผู้แก่ในบริเวณนั้น ในขณะที่ร่องรอยของจากศิลปะในโลกภาพยนตร์ก็ยังจับต้องได้อย่างเช่นการนำ “ยานอาวกาศ” ที่ใช้ถ่ายทำประกอบในฉากสำคัญของเรื่อง มาจัดตั้งแสดงไว้ที่บริเวณลานพญานาค ภายในวัดบัวขาว ซึ่งประวัติศาสตร์ “วันเสียงปืนแตก” และหนังอย่าง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” สิ่งสองสิ่งนี้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเข้ามาศึกษาและเรียนรู้ในพื้นที่ของจังหวัดนครพนมเป็นอย่างยิ่ง

