คลองเตย

“80 ปีแห่งความหลัง” และความน่าจะเป็นไปในอนาคต ของ “ย่านคลองเตย”

06 มิถุนายน 2025
|
46 อ่านข่าวนี้
|
0



เมืองพระประแดงเก่า: จุดกำเนิดคลองเตย

คลองเตยเป็นภาพจำของย่านชุมชนแออัดในกรุงเทพฯ ที่น้อยคนนักจะได้มีโอกาสเข้าไปหากไม่ใช่ผู้อยู่อาศัย พื้นที่กว่า 2,353 ไร่กลับดูเหมือนเป็นพื้นที่ที่ตัดขาดจากส่วนอื่นๆ ของเมืองโดยสิ้นเชิง แต่แท้จริงแล้วคลองเตยมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเมืองและระบบการขนส่งสินค้าของประเทศไทย 

ย้อนกลับไปในอดีตพื้นที่บริเวณท่าเรือคลองเตย เป็นเมืองโบราณชื่อว่าเมืองพระประแดงเก่า โดยงานวิจัยเรื่อง เมืองพระประแดง : จากคลองเตยมานครเขื่อนขันธ์ จบที่อำเภอพระประแดง โดยรุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล ได้ขยายความไว้ว่าสาเหตุสำคัญที่มีการย้ายเมืองพระประแดงลงไปจนถึงที่ปากน้ำเมืองสมุทรปราการ เพราะ พื้นที่บริเวณนั้นขยายตัวใหญ่พอที่จะเป็นจุดควบคุมเส้นทางคมนาคมของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดีกว่า ทำให้เมืองพระประแดงเก่าที่คลองเตยค่อยๆ เงียบเหงาลง บวกกับหลังจากเสียกรุงครั้งที่ 2 มีการรื้อเอาอิฐกำแพงเก่า มาก่อร่างสร้างเมืองใหม่ที่กรุงธนบุรี 

จากพื้นที่ริมน้ำ สู่ท่าเรือกรุงเทพ

หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 รัฐบาลไทยมีแนวคิดที่จะสร้างท่าเรือที่ทันสมัย เพื่อให้การขนถ่ายสินค้าจากต่างประเทศเป็นไปได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ร่นระยะเวลาและขั้นตอนจากแต่เดิมที่ต้องเปลี่ยนถ่ายสินค้าจากเรือเดินสมุทรที่เกาะสีชังแล้วจึงส่งต่อมายังกรุงเทพ ฯ ข้อมูลจากการศึกษาของสุมาลี สุขดานนท์ เล่าไว้ว่า ในปี พ.ศ.2477 ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานใหญ่สันนิบาตชาติ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้มาสำรวจสภาพเศรษฐกิจการค้าในกรุงเทพ ฯ และสถานที่ก่อสร้างท่าเรือ ผู้เชี่ยวชาญยื่นข้อเสนอ 2 ทางเลือกในการก่อสร้างท่าเรือ ระหว่างที่ ปากน้ำสมุทรปราการ กับที่ตำบลคลองเตย รัฐบาลคณะราษฎรได้เลือกตำบลคลองเตย เพื่อเป็นท่าเรือกรุงเทพ 

งานก่อสร้างท่าเรือและขุดลอกร่องน้ำ เริ่มในปี พ.ศ. 2481 การก่อสร้างหยุดชะงักในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2490 ท่าเรือกรุงเทพจึงได้เปิดดำเนินการ และอีก 3 ปีต่อมาจึงได้มีการก่อตั้งการท่าเรือแห่งประเทศไทยขึ้นอย่างเป็นทางการ  เป็นรัฐวิสาหกิจสาธารณูปการในสังกัดกระทรวงคมนาคม ก่อตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พุทธศักราช พ.ศ. 2494 กลายเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยา จึงไม่น่าแปลกใจที่ท่าเรือคลองเตยจะดึงดูดแรงงานจากทั่วประเทศเข้ามาทำงาน และอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับท่าเรือ ขยับขยายกระจายตัวเป็นชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ภายในเวลาเพียงไม่ถึง 3 ทศวรรษ 

 

ราคาของการพัฒนา...ที่ใครบางคนอาจต้องจ่ายด้วยที่อยู่อาศัย

แม้ทุกอย่างจะดูเหมือนราบรื่นไร้ปัญหา แต่บทความ “คนสลัม” เพื่อนบ้านที่เราไม่ค่อยรู้จัก ของบุญเลิศ  วิเศษปรีชา ได้ชี้ช่องโหว่ของปัญหาการเวนคืนที่ดินกว่า 2,259 ไร่ เพื่อสร้างท่าเรือแห่งนี้ ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปมีผู้อพยพย้ายเข้ามาปลูกบ้านอยู่อาศัยอย่างไม่เป็นทางการจำนวนมาก พื้นที่มีขนาดใหญ่จนไม่สามารถป้องกันได้อย่างเข้มงวด และการมีอยู่ของแรงงานรับจ้างก็เอื้อประโยชน์ต่อการขนถ่ายสินค้า ในยุคสมัยที่แรงงานมีน้อย การเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงย่อมเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายอย่างลงตัว แต่ในปัจจุบันสภาพการณ์ไม่เหมือนเดิม เมื่อที่ดินมีราคาแพงขึ้น ผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่นมากขึ้น ทำให้ประโยชน์ที่เคยมอบให้กันและกันไม่ลงตัวจนเกิดเป็นความไม่ลงรอยมากขึ้นทุกที จากข้อมูลของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) มีชุมชนแออัดในที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย รวมทั้งหมด 26 ชุมชน ประมาณ 12,000 ครอบครัว ประชากรที่มีทะเบียนราษฎร์ไม่ต่ำกว่า 60,000 คน  หากรวมประชากรแฝงอาจถึง 100,000 คน  การปลูกสร้างที่พักอาศัยส่วนใหญ่ไม่ได้ทำสัญญาเช่าที่ดิน รวมเนื้อที่อยู่อาศัยของชาวคลองเตยทั้งหมดประมาณ 400 ไร่ ยกเว้น โครงการบ้านมั่นคงสร้างสรรค์ในชุมชนคลองเตยที่ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินอย่างถูกต้อง 

เมื่อแปลนอนาคตไม่มีประชาชนร่วมร่าง

ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 เป็นต้นมา การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีการดำเนินการแผนพัฒนา “โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย)” เป้าหมายพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน (Mixed Use) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Smart Community ยกระดับพื้นที่รอบท่าเรือให้เป็นศูนย์กลางการเดินทาง มีสิ่งอำนวยความสะดวก และสร้างที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนในพื้นที่คลองเตย 26 ชุมชน ในลักษณะที่อยู่อาศัยแนวสูง ท่ามกลางความกังวลของคนในชุมชนคลองเตยและหลายฝ่าย เนื่องจากทางเลือกที่ได้นำเสนอในแผนพัฒนานั้นไม่ได้เกิดจากการระดมสมอง ภาคประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมแต่อย่างใด

ภาพอนาคตคลองเตย...เป็นของใคร?

 “ประเด็นที่อยู่อาศัยของชุมชนคลองเตยเป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมาหลายสิบปี การท่าเรือได้เวนคืนที่ดิน 2,353 ไร่ จากประชาชนและจะเปลี่ยนวัตถุสงค์ของการใช้ที่ดิน จากการขนถ่ายสินค้าของการท่าเรือ จะใช้ที่ดินมาเป็นการพัฒนาย่านอุตสาหกรรม ธุรกิจ โรงแรม มีการไล่ชุมชนกว่า 20 ครั้ง ชุมชนย้ายที่อยู่ไปตามที่อยู่ต่าง ๆ ย้ายไปไกลจากที่ทำกิน อยู่อาศัยไม่ได้ก็ต้องย้ายกลับมา คุณภาพชีวิตก็ต่ำลง”  ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ เลขาธิการมูลนิธิดวงประทีปกล่าวบทเวทีการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนแออัดคลองเตย เนื่องในงานวันที่อยู่อาศัยโลก ประจำปี พ.ศ.2566 ที่วัดสะพาน  เขตคลองเตย  กรุงเทพฯ

หน้าตาของพื้นที่ท่าเรือคลองเตยย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปในอย่างแน่นอนเช่นที่เคยเป็นมาโดยตลอด แต่ในภาพอนาคตข้างหน้านั้น ผู้คนจะได้มีส่วนร่วมอยู่ด้วยมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่โอบรับความคิดเห็น และความเป็นอยู่ของคนในเมืองเข้าไว้ด้วยกัน

#คลองเตย #เมืองพระประแดงเก่า #ชุมชนแออัด #สิทธิในที่ดิน #การพัฒนาเมือง #การมีส่วนร่วมของประชาชน #KhlongToei #OldPhraPradaeng #UrbanSlum #LandRights #UrbanDevelopment #SmartCommunity #CivicParticipation


ข้อมูลอ้างอิง

  • https://decode.plus/20220914-slum  
  • https://logistics-manager.com/pat-70-anniversary
  • https://theactive.thaipbs.or.th/data/get-to-know-khlong-toei-from-epidemic
  • https://thelist.group/realist/blog/smart-city-port 
  • web.codi.or.th/20230917-48306 
  • www.bangkokbiznews.com/business/economic/1125292
  • www.bangkokbiznews.com/business/economic/1149226#google_vignette 
  • www.cuti.chula.ac.th/triresearch/bangkokport/bangkokport.html
  • www.damrong-journal.su.ac.th/upload/pdf/53_2.pdf 
  • www.port.co.th/cs/internet/internet/ประวัติความเป็นมา.html
  • www.posttoday.com/smart-city/707768
  • www.silpa-mag.com/history/article_55527  
  • www.silpa-mag.com/history/article_66813 


0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI