ออสเตรียเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านเกษตรอินทรีย์ โดยสถิติจาก Eurostat ระบุว่าในปี 2020 ออสเตรียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วนพื้นที่เกษตรอินทรีย์สูงที่สุดในสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และการรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศนี้
ความสำคัญของเกษตรอินทรีย์ในออสเตรีย
เกษตรอินทรีย์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมในออสเตรียโดยมีการสนับสนุนจากรัฐบาลและนโยบายต่างๆ ที่ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ เช่น นโยบายการเกษตรร่วมของสหภาพยุโรป (Common Agricultural Policy-CAP) ที่เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อม
นโยบายและเป้าหมายระดับชาติ
- รัฐบาลออสเตรียมีนโยบายสนับสนุนเกษตรอินทรีย์อย่างเข้มแข็ง โดยมีการตั้งเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง
- การสนับสนุนจาก European Green Deal ซึ่งเป็นนโยบายของสหภาพยุโรปที่มุ่งเน้นการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และการเกษตรที่ยั่งยืน
- มีการสนับสนุนด้านการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้แก่เกษตรกร
- มีการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเกษตรอินทรีย์
- การสร้างความตระหนักในสังคม มีการรณรงค์และให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ เพื่อสร้างความต้องการในตลาด
- การสนับสนุนด้านการรับรองมาตรฐาน รัฐบาลมีส่วนช่วยในกระบวนการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดภาระและค่าใช้จ่ายให้แก่เกษตรกร
- การฝึกอบรมและให้ความรู้ มีการจัดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ให้แก่เกษตรกร
โครงการ Selbsternte (‘Self-Harvest’)
ดำเนินการในปี 2002 มีทั้งหมด 15 แปลงในเวียนนาและเมืองใกล้เคียง โดยมีพื้นที่รวม 68,740 ตารางเมตร และมีเกษตรกรอินทรีย์ 12 ราย จัดการแปลงปลูกให้กับผู้เช่า 861 ราย โดยเกษตรจะเตรียมแปลงเกษตร (Selbsternte plot) เพื่อปลูกพืชหลากหลายชนิด และแบ่งเป็นแปลงย่อยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกเช่าและดูแลแปลงเกษตรนั้น ซึ่งผู้เช่าสามารถปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผักได้ด้วยตนเอง (Self-Harvesters) แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการทำเกษตรอินทรีย์ในเมืองที่สามารถสร้างผลผลิตได้สูงและมีส่วนร่วมของชุมชน
ผลกระทบเชิงบวกของโครงการ
1. การส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์
ส่งเสริมการปลูกพืชผักที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค ช่วยเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในเมือง
2. การสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของประชาชน
ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผักด้วยตนเอง ซึ่งช่วยสร้างความตระหนักในเรื่องการเกษตรและสิ่งแวดล้อม การที่ประชาชนได้มีโอกาสปลูกพืชผักเองทำให้พวกเขาเข้าใจถึงกระบวนการผลิตอาหารและเห็นคุณค่าของการทำเกษตรอินทรีย์มากขึ้น
3. การสร้างความมั่นคงทางอาหาร
การที่ประชาชนสามารถปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผักเองได้ ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอาหารในเมือง เนื่องจากมีแหล่งอาหารที่ปลอดภัยและสดใหม่ใกล้บ้าน ช่วยลดการพึ่งพาอาหารที่ต้องนำเข้าจากที่อื่น
4. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
การที่ประชาชนสามารถปลูกพืชผักเองได้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหาร นอกจากนี้ยังมีการประเมินมูลค่าของผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้
5. การส่งเสริมความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
การทำเกษตรอินทรีย์ในเมืองช่วยลดการใช้สารเคมีและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในเมืองและสร้างพื้นที่สีเขียวที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
โครงการ Selbsternte เป็นตัวอย่างที่ดีของการเกษตรอินทรีย์ในเมืองที่ประสบความสำเร็จในออสเตรีย โดยมีการสนับสนุนจากเกษตรกรอินทรีย์และผู้บริโภคที่มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ แต่ยังสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการรักษาสิ่งแวดล้อมและการเกษตรอย่างยั่งยืน ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จและความมุ่งมั่นของออสเตรียในการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในเมือง ซึ่งเป็นแนวทางที่ สามารถนำไปปรับใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนในการเกษตรและสิ่งแวดล้อมในอนาคต
อ้างอิง :
- www.semanticscholar.org/paper/29ef849bb77c3a7803fc48d4bd19d3dca26ebd39
- www.semanticscholar.org/paper/78eeefeb4660e84dacee60bd9662f9f324102f75
- www.semanticscholar.org/paper/96641b6b6578315b68e685bf57ea368ab686a80a
- www.semanticscholar.org/paper/b1d7f5f74cac7cc40c6fbd0ae6faad374223ec78
- www.semanticscholar.org/paper/df2a758c473244d8acde46debe6d6333048bad66