02 กันยายน 2024
40 อ่านข่าวนี้
3 เดือนก่อน
0
แผนแม่บท :
แผนแม่บท การท่องเที่ยว
หมวดหมู่ :
#05.6การพัฒนาระบบนิเวศการท่องเที่ยว
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เรื่องของความยั่งยืนกลายเป็นสิ่งที่หลายอุตสาหกรรมให้ความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากทุกภาคส่วนต่างตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักไม่ต่างกัน ทั้งต้องเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน อุณหภูมิพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงภัยธรรมชาติที่ปรากฏผ่านหน้าสื่อไม่เว้นวัน
การท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน (Sustainable Tourism) จึงเป็นแนวทางที่หลายประเทศทั่วโลกได้นำมาปรับใช้เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น แน่นอนว่าแต่ละประเทศย่อมมีกลยุทธ์แตกต่างกันไปตามบริบทและความต้องการของพื้นที่นั้น ๆ และนี่คือตัวอย่างกลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืนที่โดดเด่นจากนานาประเทศ
- นิวซีแลนด์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านโครงการ Tiaki Promise (คำว่า Tiaki ในภาษาเมารี หมายถึง การดูแลและปกป้อง) เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเคารพต่อธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมทั้งให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวเกี่ยวกับวิธีการเดินทางอย่างยั่งยืน การจัดการขยะ และการรักษาธรรมชาติ รวมถึงการเคารพประเพณีของชาวเมารี ความสำเร็จของโครงการนี้ช่วยสร้างความตระหนักรู้ในหมู่นักท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ
- สโลวีเนีย ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน ผ่านการรับรอง Green Scheme of Slovenian Tourism (GSST) เมืองและชุมชนต่าง ๆ ในสโลวีเนียที่ต้องการได้รับการรับรองต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่เคร่งครัด ส่งผลให้ในปี 2016 Ljubljana ได้รับการยกย่องเป็นเมืองหลวงสีเขียวของยุโรป (European Green Capital) และในปี 2023 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเยอรมันและประเทศในกลุ่ม Visegrad เพิ่มขึ้นกว่า 30%
- คอสตาริกา มีการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างเข้มงวด ประมาณ 26% ของพื้นที่ทั้งหมดถูกสงวนไว้เป็นเขตอนุรักษ์ นอกจากนี้ยังมีโครงการ Certification for Sustainable Tourism (CST) สนับสนุนให้โรงแรมและบริษัททัวร์ปฏิบัติตามแนวทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยการจัดอันดับสถานประกอบการตามเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งให้ใบรับรองด้านการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (Sustainable Tourism Certificate) แก่ธุรกิจที่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ในปี 2023 คอสตาริกามีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 1.7 ล้านคน หลังจากพัฒนาอุทยานแห่งชาติและเขตสงวน
- มอนเตเนโกร เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประสบความสำเร็จในการสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติ Skadar Lake ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 400,000 คนต่อปี นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนพัฒนาการท่องเที่ยว Montenegro's Sustainable Tourism Development Strategy เน้นการมีส่วนกับคนในชุมชน โดยมีการคาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวจะมีส่วนช่วยเพิ่ม GDP ของประเทศถึง 10.3% ในปี 2024
- สเปน ใช้การท่องเที่ยวเชิงไวน์และอาหารเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยเฉพาะในเส้นทางไวน์ (Wine Routes) มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี สร้างงานมากกว่า 50,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีโครงการ Biosphere Responsible Tourism สนับสนุนให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในสเปนปฏิบัติตามแนวทางการท่องเที่ยวยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม
ทั้งหมดนี้ คือกลยุทธ์การท่องเที่ยวจากนานาประเทศ ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืนสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประเทศได้โดยไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม พร้อมกับดูแลโลกให้อยู่คู่มนุษย์ไปตราบนานเท่านาน
แหล่งอ้างอิง :
- GSTC. (ม.ป.ป.). What is Sustainable Tourism? เข้าถึงได้จาก https://www.gstcouncil.org/what-is-sustainable-tourism/
- I Feel Slovenia. (ม.ป.ป.). Tourism in numbers. เข้าถึงได้จาก https://www.slovenia.info/en/business/research-and-analysis/tourism-in-numbers
- SDG Vocab | 41 – Sustainable Tourism – การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. (3 January 2022). เข้าถึงได้จาก https://www.sdgmove.com/2021/07/31/sdg-vocab-41-sustainable-tourism/
- Tourism Newzealand. (ม.ป.ป.). Tiaki - Care for New Zealand. เข้าถึงได้จาก https://www.tourismnewzealand.com/partner-with-us/tiaki/
- World Tourism Organization. (ม.ป.ป.). International tourism, number of arrivals - Costa Rica. เข้าถึงได้จาก https://data.worldbank.org/indicator/ST.INT.ARVL?locations=CR