ผู้ประกอบการและ วิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมยุคใหม่

CCS เทคโนโลยีดักจับกักเก็บคาร์บอนช่วยลดโลกร้อน

04 กุมภาพันธ์ 2025
|
65 อ่านข่าวนี้
|
0


เทคโนโลยีที่นำมาช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในหลายประเทศที่น่าจับตามอง คือเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage) หรือ CCS ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณมาก ช่วยลดภาวะโลกร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ

‘เทคโนโลยี CCS ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 1972 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีโรงงานก๊าซธรรมชาติหลายแห่งในรัฐเท็กซัสที่ดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใต้ดินมากกว่า 200 ล้านตัน’

เทคโนโลยี CCS คืออะไร

เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) คือ กระบวนการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์จากอุตสาหกรรมและกระบวนการผลิต แล้วขนส่งไปกักเก็บที่โครงสร้างทางธรณีวิทยาที่อยู่ชั้นใต้ดินแบบถาวร ไม่กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก (Greenhouse Effect) ปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีที่ทั่วโลกให้การยอมรับในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

  • การศึกษาของ The Center for Climate and Energy Solutions (C2ES) ระบุว่า เทคโนโลยีดักจับคาร์บอน หากบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกได้ถึง 14% ในปี 2050 
  • รายงานของ McKinsey พบว่า การใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนทั่วโลกต้องขยาย 120 เท่าจากระดับปัจจุบันในปี 2050 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ 


กระบวนการ CCS เป็นอย่างไร

  1. ดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคอุตสาหกรรมอย่างโรงไฟฟ้าประเภทถ่านหิน กระบวนการกลั่นน้ำมัน การผลิตไฮโดรเจน การผลิตเหล็ก การผลิตปูนซีเมนต์ หรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่จะใช้อุปกรณ์แยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากก๊าซชนิดอื่นผ่านกระบวนการทางเคมีด้วยสารละลายเอมีน (Amine) ที่ใช้ทั่วไปในอุตสาหกรรมโรงกลั่นและผลิตก๊าซธรรมชาติแล้วปรับความดันให้เหมาะสมสำหรับการขนส่ง
  2. ขนส่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านทางท่อส่ง เรือ หรือรถบรรทุกเพื่อนำไปกักเก็บถาวร
  3. การกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบถาวรในชั้นหินใต้พิภพที่มีคุณสมบัติและความลึกเหมาะสม ปลอดภัยไม่มีการรั่วไหล 

ประโยชน์ของเทคโนโลยี CCS

  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) 
  • ลดปัญหาความแห้งแล้ง 
  • ยืดอายุการใช้งานของเชื้อเพลิงฟอสซิล ใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง
  • ส่งเสริมการลงทุน พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พัฒนาวัสดุดักจับ CO₂ ฯลฯ
  • สร้างตำแหน่งงานใหม่ในตลาดแรงงาน 

‘งานวิจัยของ Bloomberg NEF รายงานว่า การกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 1.5-15.5 กิกะตัน จะเกิดขึ้นในปี 2030-2050 เพื่อให้อุณหภูมิโลกไม่ร้อนขึ้นมากกว่า 1.5 องศาเซลเซียส’

อนาคตของเทคโนโลยี CCS 

  • อุตสาหกรรมหนักเริ่มใช้เทคโนโลยีดักจับกักเก็บคาร์บอน
  • รัฐบาลทั่วโลกสนับสนุนเทคโนโลยีดักจับกักเก็บคาร์บอน
  • เกิดความร่วมมือทางอุตสาหกรรมเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดของเทคโนโลยีดักจับกักเก็บคาร์บอน
  • ภาคเอกชนและรัฐบาลต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาการจัดการคาร์บอนและภูมิอากาศ
  • เทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอนต้องอยู่ในแผนการลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก

ไทยกับเทคโนโลยี CCS

ประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาและพัฒนาโครงการ CCS โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอนในระดับประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุน แก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกับประชาคมโลก ทั้งนี้เทคโนโลยี CCS ถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายในภาคพลังงานและอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน

ซึ่งประเทศไทยเริ่มต้นศึกษาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี CCS ครั้งแรกที่แหล่งอาทิตย์ แหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ดำเนินการผ่านบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. สผ. มีแผนนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งอัดกลับสู่ชั้นหินใต้ดินที่เหมาะสมเพื่อกักเก็บถาวร ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ต้นทางการผลิต คาดว่าจะเริ่มใช้จริงปี 2570 และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมได้ประมาณ 700,000-1,000,000 ตันต่อปี

‘ข้อมูลของ Global CCS Institute พบว่า ปัจจุบันมีโครงการ CCS (Carbon Capture and Storage) ที่ดำเนินการแล้วกว่า 50 โครงการทั่วโลก และอีกกว่า 120 โครงการอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนา อาทิสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฯลฯ’

ความท้าทายของเทคโนโลยี CCS

  • ต้นทุนสูงทั้งด้านการลงทุนและการดำเนินงาน
  • ความเสี่ยงจากการที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รั่วไหลออกมาจากแหล่งกักเก็บ
  • ความไม่แน่นอนทางธรณีวิทยาส่งผลต่อประสิทธิภาพของการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  • ความกังวลด้านความปลอดภัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการ CCS ในประเทศไทยจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายมิติในการขับเคลื่อน ทั้งนโยบาย กฎหมาย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจัยส่งเสริมการลงทุน ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในการผลักดันและส่งเสริมการนำเทคโนโลยี CCS มาใช้ในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน



ข้อมูลอ้างอิง :

  • ccsknowledge.com/what-is-ccs
  • energy-thaichamber.org/ccs-carbon-capture-and-storage/
  • nakhonnayok.mnre.go.th/th/news/detail/171562
  • www.bangkokbiznews.com/environment/1060332
  • www.globalccsinstitute.com/about/what-is-ccs/
  • www.nationalgrid.com/stories/energy-explained/what-is-ccs-how-does-it-work
  • www.nstda.or.th/home/knowledge_post/carbon-capture-technology/
  • www.pttep.com/th/our-company/ep-net-zero-2050/carbon-capture-and-storage
0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI