พื้นที่และเมือง น่าอยู่อัจฉริยะ
เดนมาร์ก ประเทศแห่งไลฟ์สไตล์ยั่งยืนและเมืองสร้างสรรค์
06 กุมภาพันธ์ 2025
|
149 อ่านข่าวนี้
|
0
เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติมาโดยตลอด อาจเป็นเพราะความผูกพันที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีต่อผืนดิน ผืนน้ำ และอากาศ อันเนื่องมาจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในฐานะประเทศแห่งเกษตรกรรมและการประมง ความสัมพันธ์นี้ผลักดันให้เดนมาร์กกลายเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน
จุดเริ่มต้นของการปฏิรูปด้านสิ่งแวดล้อม
ในปี ค.ศ. 1973 เดนมาร์กกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อม ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของมนุษยชาติก็ว่าได้ เพราะในช่วงเวลานั้นมีผู้นำน้อยคนนักที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านนโยบายพัฒนาประเทศในทุกมิติ ตั้งแต่เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ เดนมาร์กยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศแรกของโลกที่ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในระบบผลิตไฟฟ้า และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ภายในปี ค.ศ. 2050 อีกด้วย
ไลฟ์สไตล์กรีนเพื่อความยั่งยืน
1. นโยบายภาษีถุงพลาสติก
ในปี ค.ศ. 1993 เดนมาร์กเป็นประเทศแรกที่ออกนโยบายเก็บภาษีถุงพลาสติก ส่งผลให้ขยะพลาสติกลดลงกว่า 40% ประชาชนเริ่มใช้ถุงพลาสติกซ้ำโดยเฉลี่ยเพียง 70 ถุงต่อปี
ในปี ค.ศ. 1993 เดนมาร์กเป็นประเทศแรกที่ออกนโยบายเก็บภาษีถุงพลาสติก ส่งผลให้ขยะพลาสติกลดลงกว่า 40% ประชาชนเริ่มใช้ถุงพลาสติกซ้ำโดยเฉลี่ยเพียง 70 ถุงต่อปี
2. ระบบรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ
เดนมาร์กมีจุดใส่ขยะพลาสติกกระจายอยู่ตามซูเปอร์มาร์เก็ต และมีระบบรีไซเคิลขวดและกระป๋องเครื่องดื่มที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก โดย 96% ของขวดพลาสติกถูกนำกลับมาใช้ใหม่ และบางส่วนถูกนำไปแปรรูปเป็นสินค้าชนิดอื่น เช่น เสื้อกันหนาว
เดนมาร์กมีจุดใส่ขยะพลาสติกกระจายอยู่ตามซูเปอร์มาร์เก็ต และมีระบบรีไซเคิลขวดและกระป๋องเครื่องดื่มที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก โดย 96% ของขวดพลาสติกถูกนำกลับมาใช้ใหม่ และบางส่วนถูกนำไปแปรรูปเป็นสินค้าชนิดอื่น เช่น เสื้อกันหนาว
3. แนวทางบริโภคอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลจัดทำ Climate-friendly Dietary Guideline เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 70% ภายในปี ค.ศ. 2030
รัฐบาลจัดทำ Climate-friendly Dietary Guideline เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของประชาชน โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 70% ภายในปี ค.ศ. 2030
4. การศึกษาเพื่อความยั่งยืน
โรงเรียนหลายแห่งในโคเปนเฮเกนมีหลักสูตรที่เน้นความยั่งยืน เช่น การปลูกฝังทฤษฎีความยั่งยืน เปิดห้องเรียนสอนซ่อมจักรยาน เสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ที่ชำรุดให้นำกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ไปจนถึงการปลูกผักไว้ในรั้วบ้าน
โรงเรียนหลายแห่งในโคเปนเฮเกนมีหลักสูตรที่เน้นความยั่งยืน เช่น การปลูกฝังทฤษฎีความยั่งยืน เปิดห้องเรียนสอนซ่อมจักรยาน เสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ที่ชำรุดให้นำกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ไปจนถึงการปลูกผักไว้ในรั้วบ้าน
5. การใช้จักรยานเป็นวิถีชีวิตประจำวัน
โดยเฉพาะในโคเปนเฮเกน ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘เมืองแห่งจักรยาน’ เนื่องจากประชากรกว่า 60% ใช้จักรยานในการเดินทางประจำวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน โรงเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ เมืองมีเครือข่ายเลนจักรยานยาวกว่า 390 กิโลเมตร พร้อมสัญญาณไฟจราจรเฉพาะสำหรับจักรยาน ระบบนี้ไม่เพียงช่วยลดมลพิษทางอากาศ แต่ยังส่งเสริมสุขภาพกายและใจของประชาชน
โดยเฉพาะในโคเปนเฮเกน ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘เมืองแห่งจักรยาน’ เนื่องจากประชากรกว่า 60% ใช้จักรยานในการเดินทางประจำวัน ไม่ว่าจะไปทำงาน โรงเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ เมืองมีเครือข่ายเลนจักรยานยาวกว่า 390 กิโลเมตร พร้อมสัญญาณไฟจราจรเฉพาะสำหรับจักรยาน ระบบนี้ไม่เพียงช่วยลดมลพิษทางอากาศ แต่ยังส่งเสริมสุขภาพกายและใจของประชาชน
โคเปนเฮเกน เมืองสร้างสรรค์ที่ออกแบบมาเพื่อความยั่งยืน
โคเปนเฮเกนเป็นตัวอย่างของเมืองที่มีพื้นที่สาธารณะมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยในปี ค.ศ. 1970 นักผังเมืองและผู้วางนโยบายพัฒนาเมือง รวมถึงประชาชน ร่วมกันออกแบบเมืองให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนมากที่สุด นับแต่นั้น ภายในเมืองจึงมีทางเท้าสำหรับคนเดิน เลนจักรยาน และสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจกระจายอยู่แทบทุกพื้นที่ และได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็น World Capital of Architecture ด้านการออกแบบอย่างยั่งยืน
ตัวอย่างพื้นที่สร้างสรรค์ในโคเปนเฮเกน
1. Strøget
ถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในยุโรปกลาง เปิดตัวในปี ค.ศ. 1962 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเดินเท้าและลดการใช้รถยนต์ในพื้นที่เมือง จุดนี้เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และพื้นที่สำหรับการพบปะของผู้คน การพัฒนาถนนคนเดินแห่งนี้ทำให้โคเปนเฮเกนกลายเป็นตัวอย่างของเมืองที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในยุโรปกลาง เปิดตัวในปี ค.ศ. 1962 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเดินเท้าและลดการใช้รถยนต์ในพื้นที่เมือง จุดนี้เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และพื้นที่สำหรับการพบปะของผู้คน การพัฒนาถนนคนเดินแห่งนี้ทำให้โคเปนเฮเกนกลายเป็นตัวอย่างของเมืองที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชน
2. Superkilen Park
สวนสาธารณะสีสันสดใสในเขต Nørrebro ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชุมชน จนได้รับรางวัล AIA Honor Award 2013 สาขาการออกแบบระดับภูมิภาคและชุมชนเมือง
สวนสาธารณะสีสันสดใสในเขต Nørrebro ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชุมชน จนได้รับรางวัล AIA Honor Award 2013 สาขาการออกแบบระดับภูมิภาคและชุมชนเมือง
3. CopenHill หรือ Amager Bakke
โรงงานผลิตพลังงานจากขยะที่ได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่สาธารณะอย่างชาญฉลาด โดยด้านบนของโรงงานมีลานสกี สนามปีนเขา และเส้นทางเดินเขาที่เปิดให้ประชาชนได้ใช้พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างโอกาสให้ชาวเมืองมีพื้นที่ทำกิจกรรมและออกกำลังกาย
โรงงานผลิตพลังงานจากขยะที่ได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่สาธารณะอย่างชาญฉลาด โดยด้านบนของโรงงานมีลานสกี สนามปีนเขา และเส้นทางเดินเขาที่เปิดให้ประชาชนได้ใช้พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างโอกาสให้ชาวเมืองมีพื้นที่ทำกิจกรรมและออกกำลังกาย
การกำหนดนโยบายที่คำนึงถึงทั้ง ‘พื้นที่’ และ ‘ผู้คน’ ทำให้แนวคิดเรื่องความยั่งยืน กลายเป็นแกนหลักของการพัฒนาประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมร่วมของชาวเดนมาร์ก ที่มุ่งมั่นในการสร้างสังคม ‘สีเขียว’ ด้วยจิตสำนึกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้คนรุ่นหลังสืบไป
ข้อมูลอ้างอิง :
- Denmark is once again ranked the world’s most sustainable. stateofgreen.com/en/news/denmark-ranked-worlds-most-sustainable/
- Denmark is our Green European country of the month - here’s why. www.euronews.com/green/2023/04/30/denmark-is-our-green-european-country-of-the-month-heres-why
- Made in Denmark – Sustainably, reliably and responsibly. investindk.com/set-up-a-business/made-in-denmark
- Sustainable Solutions for the World of Tomorrow. www.visitdenmark.com/denmark-pavillion/press/sustainable-solutions-world-tomorrow
- What makes Denmark named World’s most Sustainable Country. indien.um.dk/en/news/what-makes-denmark-named-worlds-most-sustainable-country
องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง
London Datastore แพลตฟอร์มข้อมูลเพื่อการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
27 มีนาคม 2025
2,009
0
Tirana City Lab เส้นทางสู่เมืองสีเขียวและอนาคตที่ยั่งยืน
27 มีนาคม 2025
793
0
0
ความคิดเห็น
