พื้นที่และเมือง น่าอยู่อัจฉริยะ

เมื่อ ‘จีน’ เป็น ‘ม้ามืด’ ด้านปัญญาประดิษฐ์จนทำให้เศรษฐกิจโลกสั่นคลอน

27 มีนาคม 2025
|
1880 อ่านข่าวนี้
|
0

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมทั่วโลก หนึ่งในประเทศที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจด้านเอไออย่างรวดเร็วคือจีน ซึ่งจากรายงานของ McKinsey Global Institute จีนลงทุนในเอไอมากถึง 500 พันล้านหยวนในปี 2024 สูงกว่าสหรัฐฯ 20% ทำให้ตลาดโลกถึงกับสั่นคลอน

DeepSeek เอไอสัญชาติจีนที่กำลังเปลี่ยนเกม

วันที่ 27 มกราคม 2025 โลกต้องจับตามองการเปิดตัว DeepSeek เอไอสัญชาติจีน ก่อตั้งโดย ‘เหลียง เหวินเฟิง’ (Liang Wenfeng) ซึ่งสามารถพัฒนาโมเดลเอไอที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้ต้นทุนเพียง 5.58 ล้านดอลลาร์ โดยใช้เงินลงทุนต่ำกว่า GPT-4 ที่ใช้ทุนสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์ ผลกระทบของ DeepSeek ทำให้บริษัทเทคโนโลยีต่างต้องเร่งปรับตัว เริ่มจากการลดราคาบริการ และหันมาพัฒนาเทคโนโลยีเอไอให้ทัดเทียมกับคู่แข่งในตลาด

ดูเหมือนว่ามหาอำนาจอย่างจีนกำลังจะเข้ามาเล่นสงครามเอไออย่างเต็มตัว และการรุกคืบของ DeepSeek ทำให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้มาเล่นๆ ทั้งสามารถทำให้ ‘ราคา’ ต้นทุนต่ำกว่าเอไอจากทางตะวันตก แถมยังรองรับภาษาโปรแกรมมากกว่า 80 ภาษา สามารถช่วยนักพัฒนาในการสร้างโค้ด ตรวจสอบโค้ด และแก้ไขข้อผิดพลาด ช่วยตอบคำถาม แปลภาษา และเขียนบทความขึ้นมาใหม่ ได้ตั้งแต่เรียงความ บทกวี บทสนทนา ตลอดจนช่วยวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) 

นโยบายอันแข็งแกร่ง ‘ขุมพลัง’ แห่งอำนาจของจีน

ทำไม ‘จีน’ จึงก้าวขึ้นมาเป็น ‘ว่าที่’ มหาอำนาจด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ อาจต้องย้อนกลับไปยังการวางรากฐานนโยบายการศึกษาของรัฐบาล พวกเขาให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาตั้งแต่ปี 2010 และพัฒนานโยบายอยู่เรื่อยมา จนทำให้คนทั่วโลกมองเห็นแล้วว่า ประเทศจีนนั้นหากพยายามทำสิ่งใด พวกเขาก็ทำได้โดยปราศจากข้อกังขา ตัวอย่างนโยบายที่สำคัญ ได้แก่

1) Made in China 2025 (中国制造 2025)

เปิดตัวในปี 2015 นโยบายนี้มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมของจีนอย่างครอบคลุม โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิต รัฐบาลจีนได้จัดสรรงบประมาณกว่า 300 พันล้านหยวนเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อให้จีนกลายเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีระดับโลกภายในปี 2025

2) National Innovation-Driven Development Strategy (国家创新驱动发展战略)

ยุทธศาสตร์นี้เป็นแผนการขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งชาติที่ประกาศใช้ในปี 2016 โดยมีจุดประสงค์เพื่อปฏิวัติระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศ รัฐบาลจีนได้จัดตั้งกองทุนพิเศษกว่า 500 พันล้านหยวนเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูง โดยเฉพาะในสาขาปัญญาประดิษฐ์ อวกาศ และเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด

3) Thousand Talents Plan (千人计划)

โครงการนี้เป็นยุทธศาสตร์การดึงดูดผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมายังจีน โดยมีงบประมาณกว่า 100 พันล้านหยวนเพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีชั้นนำจากทั่วโลก โดยรัฐบาลจีนมอบสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เงินทุนวิจัย ที่พัก และสิทธิพิเศษทางภาษี

4) China's Education Modernization 2035 (中国教育现代化 2035)

แผนปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่ระดับโรงเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวที่มุ่งหวังให้จีนเป็น ‘ประเทศที่แข็งแกร่งด้านการศึกษา’ ภายในปี 2035 โดยโรงเรียนประถมศึกษาทุกแห่งต้องมีครูที่จบการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์อย่างน้อยหนึ่งคน นอกจากนี้ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณกว่า 200 พันล้านหยวนเพื่อพัฒนาหลักสูตร อุปกรณ์การเรียนการสอน และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์

5) 14th Five-Year Plan (2021-2025) (十四五规划)

จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 (ปี 2021-2025) จีนได้เพิ่มงบประมาณในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มงบประมาณการวิจัยและพัฒนากว่า 400 พันล้านหยวน พร้อมกับสนับสนุนให้ภาคเอกชนเพิ่มการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ทุกภาคส่วนในสังคมร่วมมือกันในการขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีเอไอ และอุตสาหกรรมดิจิทัล

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความท้าทายของจีน

จากงานวิจัยของ Nature Index 2025 พบว่าจีนสามารถผลิตนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ด้านเอไอกว่า 300,000 คนต่อปี มากกว่าสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของจีนในการพัฒนาเอไอยังต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ ได้แก่

  • ข้อจำกัดด้านจริยธรรมและการกำกับดูแล
    เทคโนโลยีเอไอที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และการใช้เอไอในการเฝ้าระวังประชาชน
  • การแข่งขันด้านนวัตกรรมกับตะวันตก
    แม้ว่าจีนจะมีความก้าวหน้า แต่บริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ และยุโรปก็ยังคงพัฒนาเอไออย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลก
  • ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
    สงครามการค้าระหว่างจีนและชาติตะวันตกอาจส่งผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและการลงทุนข้ามพรมแดน

อนาคตศูนย์กลางปัญญาประดิษฐ์โลก

จีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ทีละขั้น โดยอาศัยการวางรากฐานทางการศึกษา นโยบายสนับสนุนเทคโนโลยี และการลงทุนอย่างมหาศาลในด้านเอไอ ความก้าวหน้าของ DeepSeek เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจีนในเวทีโลก อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านจริยธรรม การแข่งขันระหว่างประเทศ และการกำกับดูแลล้วนปัจจัยที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

แม้จะมีข้อกังวลมากมายถึงความก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วของจีน แต่คำถามสำคัญคือ เมื่อไหร่ที่จีนจะไม่ใช่เพียง ‘ม้ามืด’ แต่จะกลายเป็นมหาอำนาจด้านเอไอ ไม่แน่ว่าการก้าวมาของ DeepSeek อาจเป็นคำประกาศกร้าวจากแดนมังกร ว่าพวกเขาพร้อมแล้วจะเป็นผู้นำโลกด้านเอไออย่างแท้จริง



ข้อมูลอ้างอิง


0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI